วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บันทึกการเดินทาง ตอนที่ 3 (Cesky Krumlov - Praque)

เช้าวันที่สาม หลังจากนอนหลับสบายด้วยฤทธิ์ยา (BECHEROVKA) ก็ตื่นมาแต่เช้าออกไปเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าซักหน่อย ออกมาจากโรงแรมเจออากาศยามเช้าเย็นยะเยือกรวมกับลมแรงทำให้หนาวถึงใจจริงๆครับ เดินพักเดียวจมูกและปากเย็นจนชาไปเลย

ยามเช้ายังไม่มีผู้คนออกมา ไฟตามทางยังไม่ปิด
ทางเรียบแม่น้ำวัลตาวา
ยังเช้ามาก บรรยากาศสงบเงียบ เดินไปแทบไม่เจอคนเลย
ฝายน้ำล้น
แม่น้ำวัลตาวาที่นี่ยังมีขนาดไม่กว้างมากและไม่ลึก ไม่ใหญ่เหมือนที่ปราก

Cesky Krumlov เป็นเมืองเล็กๆ ในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของ Czech ห่างจาก Prague ประมาณ 180 กิโล ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่่ Cesky Krumlov นั้นเป็นเมืองที่ยังคงรักษาศิลปะวัฒนธรรมแบบยุคกลางดั้งเดิมไว้ได้แทบจะ สมบูรณ์ เหมือนกับว่าได้ย้อนเวลาไปสู่ยุคอดีตเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เมืองนี้ยังคงรักษาอารยธรรมแบบดั้มเดิมเอาไว้ได้
Cesky Krumlov ได้รับการขนานนามว่า Pearl of Renaissance และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย


krumlov castle ในยามเช้า
ประมาณแปดโมงเช้ากลับก็ได้เวลากลับที่พัก ซึ่งก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดี

เนื่องจากที่พักเป็นอาคารมรดกโลกดัดแปลงเป็นที่พัก จึงไม่มีห้องอาหาร  อาหารเช้าจึงเสิร์ฟถึงห้อง เป็น breakfast in bed เก๋ๆ
หลังทานอาหารเสร็จก็ได้เวลารวมพลและนัดเจอคุณอ้อมเพื่อเดินไปเยี่ยมชมภายในปราสาทครุมลอฟครับ

เดินมาถึงหน้าปราสาทก็มาเจอร้านนี้ครับ ป้าย APOTHEKA  แปลว่าร้านขายยา  ร้านนี้อยู่หน้าทางเข้าปราสาทครุมรอฟเป็นร้านที่เก่าแก่สุดในเมืองเพราะเหมือนเป็นบ้านหมอหลวงสมัยโบราณ



 

เดินออกจากที่พักมาประมาณ สองสามร้อยเมตร ก็ถึงทางเข้าปราสาท
ปราสาทกรุมลอฟเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในสาธารณรัฐเช็ก โดยเป็นรองจากปราสาทฮรัดชานี (Hradčany) ที่กรุงปราก ซึ่งปราสาทจัดว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเมืองที่มีพื้นที่น้อย (from wikipedia)
บรรยากาศบริเวณลานหน้าปราสาท

 

จากนั้นเราได้เข้าไปชมภายในปราสาท ซึ่งมีไกด์ของปราสาทพาเดินชมและบรรยายให้ฟัง และทีมของเราก็ได้คุณอ้อมช่วยอธิบายรายละเอียดในส่วนต่างๆเพิ่มเติมในหลายๆจุดทำให้เห็นถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของที่นี่ครับ(เนื่องจากเค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพในตัวปราสาทจึงไม่มีภาพให้ชมกันครับ)
หลังจากชมในตัวปราสาทแล้วเราก็เดินเลยเข้าไปด้านหลังปาสาทซึ่งเป็นเนินเขามองเห็นมุมกว้างของทั้งเมืองดังรูปด้านล่างครับ



Cesky Krumlov Castle ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ศิลปะแบบบาโรก (Baroque) ที่บริเวณส่วนหน้าของปราสาทมีหอคอยทรงกลมสูงเด่น สามารถมองเห็นได้จากหลายๆ มุมของเมือง ตรงส่วนกลางจะเป็นพื้นที่ของตัวปราสาท และมีสวนที่อยู่บริเวณด้านหลังสุด



จุดชมวิวมหาชน


จุดชมวิวมหาชน





ถัดจากตัวปราสาทไปทางด้านหลังจะเป็นสวนของปราสาทครับ เนื่องจากเรามาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงจึงไม่ค่อยมีดอกไม้มากนัก






หลังจากเดินกันพักใหญ่ก็เที่ยงพอดี ได้เวลาหาอาหารกลางวันทานครับ เราจึงเดินออกจากปราสาทสู่จัตุรัสconcord




ขาลงก็ยังเก็บภาพมาเรื่อยๆ





ขณะรออาหาร มีคนเห็นร้านขายมันฝรั่งทอด เลยเดินไปต่อแถวและเอามา1ไม้ครับ


บรรยากาศที่จัตุรัสของเมือง



หลังจากทานอาหารกลางวันก็ได้เวลานัดเจอทีมของเราครับ จากนั้นคุณอ้อมได้พาเราเดินไปอีกฟากของเมืองครับ





หลังจากเดินมาสัก 500 เมตรก็ผ่านเขตตัวเมืองเก่าออกมา และเราก็พบฟิลลิบนำรถมารอรับเราเพื่อเดินทางไปสู่ปรากครับ


สถานที่ที่เป็นฉากเปิดตัวละครกลรักลวงใจ
 นั่งรถอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงปราก ฟิลลิปพาเรามาส่งที่นี่ครับ(กลายเป็นtripตามรอยละครไปแล้ว)
 จากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าสู่สะพานชาร์ลส์

สามล้อไทย go inter



ถึงแล้วครับ karluv most หรือ Charles Bridge


สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)เป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่ทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาที่เชื่อมระหว่าง Old Town และ Little Town สะพานสร้างในปี 1357 ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 มาเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 มีความยาว 520 เมตร กว้าง 10 เมตร มีตอม่อค้ำยัน 16 ตอ จุดเด่นของสะพานนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สอง ข้างสะพานราว 30 องค์ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีรูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุก (St. John Nepomuk) เป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดบนสะพาน สร้างเมื่อปีค.ศ. 1683 สะพานแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นอีกสัญญลักษณ์หนึ่งของกรุงปราก 
from http://www.meetawee.com





 รูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุก (St.John Nepomuk)  ตามตำนานบอกว่าท่านถูกโยนลงแม่น้ำวัลตาวาโดยกษัตริย์พระองค์หนึ่ง เนื่องจากปฏิเสธที่จะเปิดเผยความลับว่าพระราชินีของพระองค์มาสารภาพบาปว่า อะไร  ใต้รูปปั้นมีแผ่นทองเหลืองภาพนูนต่ำ  ว่ากันว่าถ้าใครได้มาลูบแผ่นทองเหลืองนี้จะได้กลับมาเยือนปรากอีก






หลังจากเดินกันสักพักก็ค่ำ ได้เวลาทานอาหาร และเข้าพักผ่อนที่โรงแรมครับ

คืนนี้พักที่นี้ครับ

สำหรับวันที่ 3 ก็จบเท่านี้ครับ ประทับใจแต่ก็หนื่อยทีเดียว