วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกการเดินทาง ตอนที่ 9 ( Vienna )


วันนี้วันสุดท้ายของtripครับ ตื่นมาในเวียนนา ลงมาทานอาหารวันนี้ คนเยอะมากจนแทบหาที่นั่งไม่ได้ สำหรับโรงแรมที่พัก motel one นั้น มีหลายสาขาครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเยอรมัน มีที่ประเทศอืนอีกสัก 4 - 5 สาขาเท่านั้น ถ้าจะมาเที่ยวเยอรมันน่าจะสะดวกไม่น้อยครับ


เราเดินทางเช้านี้เพียงประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงครับ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace) ตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย
 

ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง พ.ศ. 2461 ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก ภายในอุทยานเคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อ พ.ศ. 2295 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย        from wikipedia



ภายในตัวอาคารมีการเปิดให้เข้าชมครับ มีคำบรรยายให้ฟังหลายภาษาผ่านเครื่องaudioพกพา แต่ไม่มีภาษาไทยครับ โชคดีที่เรามีคุณอ้อมคอยบรรยายให้ฟังแทนครับ ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพครับ


Schönbrunn แปลว่า น้ำพุอันงดงาม สร้างโดยจักรพรรดิ Maximilian II ใช้เป็นสถานที่ล่าสัตว์ ต่อมาเป็นพระราชวังฤดูร้อน ของจักรพรดิราชวงศ์ Habsburg ตัวอาคารสร้างในสไตล์บาโรก องค์การ Unesco ขึ้นบัญชี World Heritage ตั้งแต่ปี 1996


หลังจากดูในตัวตึกเสร็จก็เดินอ้อมไปด้านหลังครับ




Glorietteที่เห็นอยู่บนเนินเขา พระนางมาเรียเทเรซ่าตั้งใจให้เป็นที่ตั้งของพระราชวัง ปัจจุบันเป็นจุดชมเมืองดังด้านล่าง กว่าจะเดินขึ้นไปถึงก็เมื่อยพอควรครับ



ใช้เวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เราก็ออกมาและนั่งรถเข้าสู่ตัวเมือง หาอาหารกลางวันทานครับ และจากนั้นยังมีเวลาอีกประมาณ 1 ชั่งโมงเดินเล่นก่อนขึ้นเครื่องครับ












จากนั้นคุณอ้อมก็พาเราไปส่งที่สนามบินครับ นั่งเครื่องอีกประมาณ 10 ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพ การเดินทางtripนี้ก็ได้สิ้นสุดลงครับ

บันทึกการเดินทาง ตอนที่ 8 ( Budapest - Vienna )

วันนี้ตื่นมาที่ Bo18 hotel ใจกลางเมืองbudapestครับ โรงแรมที่นี่เหมือนที่ปรากครับ โครงสร้างลักษณะภายนอกยังคงอนุรักษ์แบบเดิมไว้ แต่ภายในตกแต่งเป็นโรงแรมสมัยใหม่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาทานอาหารก็รู้ว่ามีคนพักเยอะเหมือนกันครับ


เดินออกมาภายนอกเจอป้ายดังในรูปกับผนังพรุนๆเลยได้รู้ว่ารูที่เห็นเป็นรูกระสุนปืนตั้งแต่สมัยสงครามโลกครับ มองไปรอบๆ ตึกเก่าๆที่ยังๆเหลืออยู่มีร่องรอยเกือบทุกตึกครับ


หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปยังเวียนนาครับ นั่งรถอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เส้นทางเส้นนี้เป็นทางที่มีลมมาก เราได้เห็นทุ่งกังหันจำนวนมากระดับหลายร้อยต้นทีเดียว


นที่สุดก็มาถึงที่หมายของเช้านี้ครับ Pandrof Outlet ห่างจากเวียนนาประมาณ 1 ชั่วโมง มีเวลาให้ทานอาหารและ shopping ประมาณ 3 ชั่วโมง....ซึ่งไม่พอครับ เพราะใหญ่มาก


หลังจากซื้อของกันเสร็จแล้ว ก็เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเวียนนาครับ รถมาส่งเราที่ถนน Kartnerstrasse หลังพระราชวังฮอฟบวร์ก


Michaelerplatz เป็นจัตุรัสเล็กๆซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าสู่เขตพระราชวัง


พระราชวังฮอฟบวร์ก









เดินทะลุพระราชวังฮอฟบวร์กออกมาเจอ จัตุรัสมาเรียเทเรซ่า มีอนุสาวรีย์ของพระนางมาเรียเทเรซ่าตั้งอยู่ใจกลาง






เดินวนไปเรื่อยๆเจอกับ opera house




ถนน Kohmarkt เป็นย่านการค้าอีกแห่งที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย



มหาวิหารเซนต์ สตีเฟน  สร้างเสร็จในปี 1160 โดยดยุครูดอล์ฟที่ 4 แห่งออสเตรีย สร้างตามแบบโรมานเนสก์ และโกธิค ถือเป็นสัญลักษณ์และศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์ของกรุงเวียนนา จุดเด่นของโบสถ์ก็คือหอคอยใหญ่สูงกว่า 165 เมตร




ปั็มน้ำมันใจกลางเมืองครับ เป็นแบบบริการตนเอง มองแวบแรกไม่รู้ว่าคืออะไร


เดินกันอยู่ 3 ชั่วโมงก็ได้เวลานัดเจอคุณอ้อมเพื่อทานอาหารเย็นครับ วันนี้พิเศษ คุณอ้อมจองร้านนี้ไว้ให้ครับ cafe central






Apple strudel ของแท้แบบเวียนนาครับ อร่อยมากเลยต้องสั่งมา 2 จาน แต่ฟิลลิบผู้ช่วยคุณอ้อมบอกว่าสูตรของคุณย่าของเขาอร่อยกว่านี้อีกครับ
หลังจากทานเสร็จก็เดินทางสู่ที่พักครับ แต่เนื่องจากยังมีเวลาเหลือเราเลยตัดสินใจลองมาเที่ยวกันเองยามค่ำโดยรถรางใต้ดินกันครับ


ด้านหลังopera houseยามมค่ำ

ขึ้นมา 3 สถานีก็มาโผล่หน้ามหาวิหารเซนต์สตีเฟน คนเริ่มบางตา ร้านเริ่มปิดครับ 






คืนนี้นอนพักที่นี่ครับ Motel one สาขาเวียนนา